ภายหลังที่ได้มีการแท้งเด็กเช่นนี้แล้ว มีผลทำให้ชีวิตได้รับความยากลำบากอยู่เสมอ
หรือมีชีวิตที่มีอุปสรรคมากมาย เป็นต้นว่า ผู้ผ่านการทำแท้งเด็กหรือมีส่วนร่วมในการทำแท้งนั้นไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ล้มเหลวหรือติดขัดไปหมด อาจจะมีโรคประหลาดเกิดขึ้นกับตนหรือบุตรหลานในบ้าน ที่วงการแพทย์สมัยใหม่หาสาเหตุและหาวิธีการรักษาไม่ได้
การไม่มีโชค
หรือคนที่ประสบอุบัติเหตุ ต้องสูญเสียอะไรหลายอย่างไปอย่างไม่คาดฝันอยู่เสมอ
เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นเหล่านี้อาจารย์ได้เข้าใจถึงปัญหาการทำแท้งเด็กนั้นมีสาเหตุต่างๆกันมากมาย แต่เรื่องที่สำคัญก็คือ เรื่องกฎแห่งกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะกรรมเก่าที่ล่วงมาแล้วเราย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ กรรมนั้นยังส่งผลโดยตรง ยิ่งกรรมหนักที่เกิดมาจาก
การทำแท้งเด็ก เป็นกรรมหนักเพราะเป็นการฆ่ามนุษย์ให้ตายโดยเจตนา ถ้าใครที่มีการตั้งครรภ์แล้ว
ขอให้ท่านได้อ่านขั้นตอนของการกำเนิดลูกของท่านอย่างตั้งใจและมีสติ อย่างน้อยๆ
ท่านจะได้รู้ว่าการกำเนิดมนุษย์นั้นเป็นเรื่องที่ยากเพียงไร และ จุดประสงค์เพื่อต้องการแนะนำหรือชี้นำให้หญิงที่ตั้งครรภ์และทำแท้งเด็กให้ได้คิดว่า การกำเนิดของชีวิตนั้นเป็นเลือดเนื้อของท่านอย่างแท้จริง ปัจจุบันนี้คนส่วนมากเข้าใจผิดกันมากมายว่า อายุครรภ์เพียง 1 เดือนหรือ 2 เดือนนั้นเป็นเพียงแค่ “ก้อนเลือด” ยังไม่มีชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดพลาดกันอย่างมาก
การสมานรวมกันให้เป็นหนึ่งเดียวของอสุจิและไข่ในรังไข่ของฝ่ายหญิงนั้น อาศัยระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ก็จะเปลี่ยนเป็นลักษณะของก้อนเลือดมารวมกัน
ก้อนเลือดนอนนิ่งภายในท้องแม่นั้น จะมีอาการเช่นนี้ มนุษย์บางกลุ่มได้คิดเข้าข้างตนเองด้วยการบอกว่า ก้อนเลือด(ทำแท้งเด็ก)นี้สามารถทำลายได้ เพราะยังไม่ใช่รูปของมนุษย์ตลอดทั้งสารพัดในการยกเมฆมาแอบอ้างเพื่อให้ได้มีโอกาสทำลายก้อนเลือดที่นอนนิ่งแต่ดิ้นด้วยอาการแห่งธาตุรู้ ตามความจริง ธาตุรู้ หมายถึง วิญญาณ
การทำลายวิญญาณ(การแท้งเด็ก)ให้หมดสิ้นไปนั้น เรียกว่า การฆ่ามนุษย์ในครรภ์ หรือการ
บางคนคิดเอาเองด้วยการตู่คำสอนของพระพุทธเจ้าด้วยการบอกกล่าวว่า ….
แต่เราทำแท้งเด็กก่อนทำบุญ ดังนั้นบาปกรรมต้องสนองกับผู้กระทำแท้งเด็กก่อนที่ผลบุญเข้ามาช่วย ขอให้ท่านคิดแบบมีเหตุผล
ท่านใดที่เคยทำการแท้งเด็กโดยการพรากชีวิตมนุษย์ให้ตาย โดยเฉพาะเด็กผู้บริสุทธิ์ บาปกรรมนั้นมากเพียงไหนสุดจะบรรยายได้ ขอให้ท่านที่เคยทำแท้งเด็กในช่วงอายุในครรภ์กี่
นำการกำเนิดของเด็กและอธิบายขั้นตอนวิวัฒนาการชีวิตในครรภ์มารดาจนครบ
7เดือน ที่ท่านสามารถทำการแท้งเด็กหรือฆ่าเด็กได้ และถ้าลูกของท่านพูดได้จะพูดเวลาที่ตอนท่านไปทำแท้งเขาว่า “แม่ฆ่าหนูทำไม”
หลังจากที่อสุจิกับไข่ผสมกันก็จะกลายเป็นเซลล์ตัวอ่อนฝังตัวอยู่ในเยื่อบุโพรงมดลูก
จากเพียง 1 เซลล์ แล้วเพิ่มจำนวนเป็น 150 เซลล์ภายใน 7 วัน ตัวอ่อนนั้นจะเจริญเติบโต
ได้โดยอาศัยหลอดเลือดของแม่เป็นตัวลำเลียงออกซิเจน และสารอาหารผ่านเข้าไปหล่อเลี้ยงเซลล์ตัวอ่อน แล้วส่งผ่านของเสียต่างๆ ผ่านเข้าสู่ระบบต่างๆของร่างกาย ซึ่งพออายุครรภ์ได้
ทารกก็จะเริ่มมีลักษณะรูปร่างชัดเจนขึ้น โดยมีส่วนหัวโตกว่าส่วนอื่นๆมีรูปหน้า
มือและเท้าปรากฏให้เห็น กล้ามเนื้อเริ่มเจริญเติบโต มีขนงอกมาแล้วช่วงปลายในเดือนที่2 ถ้าไปอัลตราซาวด์จะเห็นการเคลื่อนไหวและจับการเต้นของหัวใจได้ รวมทั้งมองเห็นสายรก ซึ่งสายรกนี้ทำหน้าที่แทนอวัยวะต่างๆของทารกที่ยังเติบโตไม่เต็มที่....
เช่นทำหน้าที่เป็นปอดแลกเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์กับออกซิเจนจากแม่ ทำหน้าที่เป็นลำไส้โดยดูดสารอาหารจากเลือดแม่ ทำหน้าที่เป็นไตกรองของเสีย ทำหน้าที่แทนตับโดยเก็บธาตุเหล็กจากเม็ดเลือดแดงของแม่ และสุดท้ายคือทำหน้าที่เป็นต่อมไร้ท่อเพื่อสร้างฮอร์โมนต่างๆ
ทารกจะมีลักษณะคล้ายมนุษย์มากขึ้นโดยตัวจะลอยอยู่ในน้ำคร่ำภายในมดลูก
ซึ่งน้ำคร่ำนี้เองทำหน้าที่ปกป้องและห่อหุ้มทารกไม่ให้ได้รับความกระทบกระเทือน
ตัวทารกเริ่มมีนิ้วมือนิ้วเท้าขึ้นมาในสภาพติดกันแต่ก็จะค่อยๆแยกออก ช่วงกลางเดือนที่สามนี้หัวใจจะเป็นรูปเป็นร่างเต็มที่ เห็นหูอย่างชัดเจนตอนปลายเดือนอวัยวะที่สำคัญ
เช่น อวัยเพศจะเริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างขึ้นมาแต่ยังไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นเพศไหน
ในช่วง 3 เดือนแรกนี้เองที่มีอัตราเสี่ยงในการแท้งค่อนข้างสูงจากอุบัติเหตุหรือการใช้ยาที่ผิดประเภท พอทารกอายุได้ 12 สัปดาห์เต็มที่แล้ว เด็กก็จะมีน้ำหนักประมาณ 14 กรัม
และมีลำตัวยาว 3 นิ้ว...
ช่วงเวลานี้อวัยวะภายในของทารกจะเริ่มมีความสมบูรณ์ขึ้นมากเล็บก็เริ่มงอกแล้ว
แต่ตัวยังผอมแบบเห็นหนังหุ้มกระดูกอยู่เพราะยังไม่มีชั้นไขมัน ช่วงปลายเดือนที่ 4ก็จะเริ่มมีเส้นขนละเอียดทั้งตัว แต่ผิวบางจนมองเห็นเส้นเลือด เมื่อตั้งครรภ์ได้ครบ 4 เดือนเต็ม รกก็จะมีขนาดโตมากขึ้น จากช่วงแรกซึ่งใหญ่กว่าตัวอ่อนเพียงเล็กน้อยสามารถได้ยินเสียงหัวใจเต้น เริ่มมีไตที่ทำงานได้เหมือนผู้ใหญ่ นอกจากนี้ทารกยังมีจำนวนเส้นประสาทและกล้ามเนื้อมากกว่าเดือนที่แล้วถึง 3 เท่า สามารถเตะครรภ์ของแม่ได้
งอนิ้วมือนิ้วเท้า กลอกตาได้ อวัยวะเพศพัฒนามากขึ้นจนสามารถบอกได้ว่าเป็นเพศใด
ช่วงเวลานี้ทารกจะเจริญเติบโตเร็วมากคือ มีลำตัวยาว 9 นิ้ว ร่างกายผลิตสารสีขาวข้นที่เรียกว่า “เวอร์นิกซ์” ขึ้นมาเคลือบเพื่อปกป้องผิวเส้นผม คิ้วและขนตาเริ่มงอก
เริ่มพัฒนาประสาทสัมผัส คือ รับรู้รส ได้กลิ่นและได้ยิน ตายังปิดอยู่แต่รับรู้แสงสว่างจ้าได้ ดังนั้นมารดาพูดกับลูก ลูกก็จะได้ยินมีเสียงดังเกิดขึ้นลูกก็จะสะดุ้ง
หรือเวลาที่มารดาพูดกับลูก ลูกก็จะได้ยินมีเสียงดังเกิดขึ้นลูกก็จะสะดุ้ง หรือเวลาที่ผู้เป็นแม่ลูบท้องลูกก็จะรู้สึกได้เช่นกันและตอนนี้ทารกก็จะเริ่มเคลื่อนไหวมากขึ้น
บิดตัว เตะเท้าอยู่ในถุงน้ำคร่ำ เวลาโก่งหรือขยับตัว ตัวแม่ก็จะรู้สึกได้ เพราะท้องของแม่จะนูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ช่วงปลายเดือนนี้ทารกจะเริ่มมีความสามารถถ่ายปัสสาวะลงสู่น้ำคร่ำได้อีกด้วย และช่วงเวลานี้ทารกก็จะเริ่มสะอึกและผู้เป็นแม่ก็จะสามารถรับรู้ได้อีกด้วย....
ในช่วงนี้ร่างกายของทารกเริ่มเติบโตช้ากว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาเพื่อให้อวัยวะภายใน
เช่น ปอด ระบบย่อยอาหารและระบบภูมิคุ้มกันได้พัฒนาอย่างเต็มที่ และสิ่งที่น่าอัศจรรย์สำหรับผู้เป็นแม่ คือ ทารกสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวทำให้ผู้เป็นแม่รู้สึกได้โดยเฉพาะตอนนอนพัก ทารกสามารถได้ยินเสียงหัวใจเต้น เสียงพูด เสียงดนตรี
และสามารถตอบสนองการกระตุ้นจากแม่ เช่น แม่ขยับตัวเร็วจะดิ้นตอบ ร่างกายทารกก็จะเริ่มมีเนื้อหนังมากขึ้น เพราะมีไขมันมาสะสมที่ชั้นใต้ผิดหนัง และถ้าหากเกิดเหตุสุดวิสัยที่ต้องคลอดก่อนกำหนด เวลาทารกคลอดออกมาตอนนี้ก็อาจมีโอกาสรอดชีวิตได้
เช่น ปอด ระบบย่อยอาหารและระบบภูมิคุ้มกันได้พัฒนาอย่างเต็มที่ และสิ่งที่น่าอัศจรรย์สำหรับผู้เป็นแม่ คือ ทารกสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวทำให้ผู้เป็นแม่รู้สึกได้โดยเฉพาะตอนนอนพัก ทารกสามารถได้ยินเสียงหัวใจเต้น เสียงพูด เสียงดนตรี
และสามารถตอบสนองการกระตุ้นจากแม่ เช่น แม่ขยับตัวเร็วจะดิ้นตอบ ร่างกายทารกก็จะเริ่มมีเนื้อหนังมากขึ้น เพราะมีไขมันมาสะสมที่ชั้นใต้ผิดหนัง และถ้าหากเกิดเหตุสุดวิสัยที่ต้องคลอดก่อนกำหนด เวลาทารกคลอดออกมาตอนนี้ก็อาจมีโอกาสรอดชีวิตได้
ทารกในครรภ์ช่วงนี้เติบโตมากขึ้น จนไปกดอวัยวะต่างๆในช่องท้องของแม่
เปลือกตาเริ่มเปิด และนัยน์ตามีการพัฒนาไปมากจนมองเห็นแสงที่ผ่านมาทางหน้าท้องแม่ได้ เสียงดังๆ ทำให้ทารกเคลื่อนไหว และการเต้นหัวใจเปลี่ยนไปตามเสียงและแสงไฟ และที่สำคัญลูกก็จะเริ่มจดจำเสียงของผู้เป็นแม่ได้
นอกจากพัฒนาด้านอื่นๆ แล้ว ต่อมรับรสของทารกก็พัฒนาถึงขนาดแยกรสหวานกับรสเปรี้ยวได้ ถ้าทารกคลอดออกมาตอนนี้มีโอกาสรอดชีวิตค่อนข้างสูง เพราะอวัยวะสำคัญทั้งหลาย ได้ทำงานมากขึ้น สมองเติบโตมากขึ้น ร่างกายเจริญเติบโตได้สัดส่วนมากขึ้น
ด้วยความรักปรารถนาดีอย่างจริงใจ
การแท้งเด็ก...ฆ่าหนูทำไม!!!
Master Antiga Ariyachawul
Master Antiga Ariyachawul
0 comments:
Post a Comment