Friday, February 25, 2011

กรรม การแท้งเด็ก..แม่จ๋าอย่าฆ่าหนู?

ธูปพยากรณ์หนึ่งเดียวในโลก ....การแท้งเด็ก…. แม่ฆ่าหนูทำไม!!!

  สวัสดีค่ะ ท่านผู้ชม...วันนี้อาจารย์นำเรื่องที่เกี่ยวกับการแท้งเด็ก เป็นเวรกรรมที่หนักเท่ากับฆ่าพระอรหันต์ได้เลย ซึ่งปัจจุบันนี้คนเราทุกคนนั้น  คนที่กำลังจมอยู่ในทุกข์และความผิดพลาดนั้น อาจจะเกิดจากการกระทำในอดีตที่ผ่านมาหรือเกิดจาก “การแท้งเด็ก” ซึ่งเป็นการฆ่าเด็ก  โดยเฉพาะเรื่องการแท้งเด็ก แม้แต่ผู้ตั้งครรภ์นั้นต้องแท้งเด็กแบบไม่ได้ตั้งใจ ก็ยังต้องรับผลแห่งการทำกรรมที่แท้งเด็กหรือฆ่าเด็ก  เขาและเธอผู้นั้น  ได้รับทุกขเวทนาเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจจะมีหนทางใดที่จะช่วยให้หลุดพ้นผลกรรมจากการแท้งเด็กไปได้เลย.....
อาจารย์เชื่อว่าท่านทั้งหลายคงจะทราบดีถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ
ภายหลังที่ได้มีการแท้งเด็กเช่นนี้แล้ว  มีผลทำให้ชีวิตได้รับความยากลำบากอยู่เสมอ
หรือมีชีวิตที่มีอุปสรรคมากมาย  เป็นต้นว่า  ผู้ผ่านการทำแท้งเด็กหรือมีส่วนร่วมในการทำแท้งนั้นไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ล้มเหลวหรือติดขัดไปหมด  อาจจะมีโรคประหลาดเกิดขึ้นกับตนหรือบุตรหลานในบ้าน  ที่วงการแพทย์สมัยใหม่หาสาเหตุและหาวิธีการรักษาไม่ได้ 


การไม่มีโชคลาภอะไรเลยในชีวิตหรือที่บอกตนเองว่าเป็นคนไม่มีโชคนั่นแหละ
หรือคนที่ประสบอุบัติเหตุ  ต้องสูญเสียอะไรหลายอย่างไปอย่างไม่คาดฝันอยู่เสมอ
 เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นเหล่านี้อาจารย์ได้เข้าใจถึงปัญหาการทำแท้งเด็กนั้นมีสาเหตุต่างๆกันมากมาย แต่เรื่องที่สำคัญก็คือ เรื่องกฎแห่งกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะกรรมเก่าที่ล่วงมาแล้วเราย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้  กรรมนั้นยังส่งผลโดยตรง  ยิ่งกรรมหนักที่เกิดมาจาก

การทำแท้งเด็ก เป็นกรรมหนักเพราะเป็นการฆ่ามนุษย์ให้ตายโดยเจตนา     ถ้าใครที่มีการตั้งครรภ์แล้ว  ก่อนที่จะตัดสินใจทำแท้งลูกของท่าน
ขอให้ท่านได้อ่านขั้นตอนของการกำเนิดลูกของท่านอย่างตั้งใจและมีสติ  อย่างน้อยๆ
ท่านจะได้รู้ว่าการกำเนิดมนุษย์นั้นเป็นเรื่องที่ยากเพียงไร และ จุดประสงค์เพื่อต้องการแนะนำหรือชี้นำให้หญิงที่ตั้งครรภ์และทำแท้งเด็กให้ได้คิดว่า  การกำเนิดของชีวิตนั้นเป็นเลือดเนื้อของท่านอย่างแท้จริง ปัจจุบันนี้คนส่วนมากเข้าใจผิดกันมากมายว่า  อายุครรภ์เพียง 1 เดือนหรือ 2 เดือนนั้นเป็นเพียงแค่ “ก้อนเลือด” ยังไม่มีชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดพลาดกันอย่างมาก
เมื่อน้ำอสุจิไปผสมกับไข่ในมารดาหรือฝ่ายหญิง เรียกว่า  “การปฏิสนธิ” มีการทำปฏิกิริยากัน  สำหรับผู้ที่มีความแข็งแรง  อาการต่างๆจะแสดงออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรม  เช่น  เวียนหัว  อาเจียน  ประจำเดือนขาด  เหล่านี้คืออาการของผู้ที่ตั้งครรภ์แรกเริ่ม
ที่เรียกตามภาษาไทยโบราณว่า “ แพ้ท้อง”
การสมานรวมกันให้เป็นหนึ่งเดียวของอสุจิและไข่ในรังไข่ของฝ่ายหญิงนั้น  อาศัยระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ก็จะเปลี่ยนเป็นลักษณะของก้อนเลือดมารวมกัน 
ก้อนเลือดที่รวมกันนี่แหละ  คือ ก้อนเลือดที่มีชีวิตเป็นก้อนเลือดที่มีอาการเกิดอาการดับ  มาปรากฏแล้ว  คำว่าเกิดดับก็คือลักษณะคล้ายๆกับการที่เราจับชีพจรของเราหรือจับที่หัวใจของเรานั่นไม่ผิด
ก้อนเลือดนอนนิ่งภายในท้องแม่นั้น จะมีอาการเช่นนี้  มนุษย์บางกลุ่มได้คิดเข้าข้างตนเองด้วยการบอกว่า  ก้อนเลือด(ทำแท้งเด็ก)นี้สามารถทำลายได้  เพราะยังไม่ใช่รูปของมนุษย์ตลอดทั้งสารพัดในการยกเมฆมาแอบอ้างเพื่อให้ได้มีโอกาสทำลายก้อนเลือดที่นอนนิ่งแต่ดิ้นด้วยอาการแห่งธาตุรู้  ตามความจริง  ธาตุรู้  หมายถึง วิญญาณ
การทำลายวิญญาณ(การแท้งเด็ก)ให้หมดสิ้นไปนั้น   เรียกว่า การฆ่ามนุษย์ในครรภ์ หรือการทำแท้งเด็กในครรภ์   หรือที่ภาษาชาวบ้านมักจะนิยมเรียกว่า  “การทำแท้ง” เป็นการกระทำอกุศลกรรมอย่างยิ่ง  ซึ่งพระพุทธองค์เคยอบรมสั่งสอนพระภิกษุนั่น คือ ปาราชิกซึ่งมี 4 ข้อ  หนึ่งในสี่นั้นก็คือ  ห้ามฆ่ามนุษย์ในครรภ์และนอกครรภ์  ไม่ว่าจะเป็นผู้จ้างวานหรือลักษณะของการแนะนำด้วยคำพูดหรือลงมือเอง  นั้นให้ถือว่าขาดจากความเป็นพระภิกษุ  เพราะต้องอาบัติปาราชิก  ห้ามนิพพาน  ห้ามสวรรค์  มีหนทางเดียว คือ  นรก อบายภูมิ  ส่วนคฤหัสถ์ก็เช่นกัน  ห้ามสรรค์  นิพพานไปไม่ต้องพูดถึงมีนรกเป็นที่พึ่งหลายชาติ (100วันมนุษย์  เท่ากับ 1 วันสวรรค์  100วัน สรรค์เท่ากับ 1 วันนรก  แล้วชาติหนึ่งของนรกกี่ปีมนุษย์ลองพิจารณาดูเถิด)
บางคนคิดเอาเองด้วยการตู่คำสอนของพระพุทธเจ้าด้วยการบอกกล่าวว่า ….
 ทำบุญสังฆทานหรือสร้างโบสถ์หลายๆวัด เพื่อจะเป็นการหนีบาปอกุศลกรรมที่กระทำมิต้องให้ได้รับ  เพราะอานิสงส์ผลบุญจะมาหนุน  แต่คงลืมไปว่าการทำบุญนั้นเป็นการกระทำหลังจากที่เราทำบาปหรือการทำแท้งเด็กใช่หรือไม่ !!!!!
แต่เราทำแท้งเด็กก่อนทำบุญ  ดังนั้นบาปกรรมต้องสนองกับผู้กระทำแท้งเด็กก่อนที่ผลบุญเข้ามาช่วย  ขอให้ท่านคิดแบบมีเหตุผล
ท่านใดที่เคยทำการแท้งเด็กโดยการพรากชีวิตมนุษย์ให้ตาย  โดยเฉพาะเด็กผู้บริสุทธิ์  บาปกรรมนั้นมากเพียงไหนสุดจะบรรยายได้  ขอให้ท่านที่เคยทำแท้งเด็กในช่วงอายุในครรภ์กี่  เดือนถือว่าเป็นบาปอย่างมหันต์  เพราะท่านจะได้เห็นวิวัฒนาการ
นำการกำเนิดของเด็กและอธิบายขั้นตอนวิวัฒนาการชีวิตในครรภ์มารดาจนครบ
7เดือน  ที่ท่านสามารถทำการแท้งเด็กหรือฆ่าเด็กได้  และถ้าลูกของท่านพูดได้จะพูดเวลาที่ตอนท่านไปทำแท้งเขาว่า  “แม่ฆ่าหนูทำไม”

ช่วง 4 สัปดาห์แรก  (1 เดือน)….
หลังจากที่อสุจิกับไข่ผสมกันก็จะกลายเป็นเซลล์ตัวอ่อนฝังตัวอยู่ในเยื่อบุโพรงมดลูก
จากเพียง 1 เซลล์  แล้วเพิ่มจำนวนเป็น 150 เซลล์ภายใน 7 วัน  ตัวอ่อนนั้นจะเจริญเติบโต
ได้โดยอาศัยหลอดเลือดของแม่เป็นตัวลำเลียงออกซิเจน  และสารอาหารผ่านเข้าไปหล่อเลี้ยงเซลล์ตัวอ่อน  แล้วส่งผ่านของเสียต่างๆ ผ่านเข้าสู่ระบบต่างๆของร่างกาย  ซึ่งพออายุครรภ์ได้ 5 สัปดาห์เด็กก็จะมีลำตัวยาวประมาณ 7 มิลลิเมตร  หรือเปรียบเทียบได้กับขนาดเท่าเมล็ดถั่ว

ช่วงอายุครรภ์ได้ 8 สัปดาห์  (2 เดือน)
ทารกก็จะเริ่มมีลักษณะรูปร่างชัดเจนขึ้น  โดยมีส่วนหัวโตกว่าส่วนอื่นๆมีรูปหน้า
มือและเท้าปรากฏให้เห็น  กล้ามเนื้อเริ่มเจริญเติบโต มีขนงอกมาแล้วช่วงปลายในเดือนที่2 ถ้าไปอัลตราซาวด์จะเห็นการเคลื่อนไหวและจับการเต้นของหัวใจได้  รวมทั้งมองเห็นสายรก  ซึ่งสายรกนี้ทำหน้าที่แทนอวัยวะต่างๆของทารกที่ยังเติบโตไม่เต็มที่....


เช่นทำหน้าที่เป็นปอดแลกเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์กับออกซิเจนจากแม่  ทำหน้าที่เป็นลำไส้โดยดูดสารอาหารจากเลือดแม่  ทำหน้าที่เป็นไตกรองของเสีย ทำหน้าที่แทนตับโดยเก็บธาตุเหล็กจากเม็ดเลือดแดงของแม่  และสุดท้ายคือทำหน้าที่เป็นต่อมไร้ท่อเพื่อสร้างฮอร์โมนต่างๆ



ช่วงอายุครรภ์ได้  12  สัปดาห์  (3 เดือน)
ทารกจะมีลักษณะคล้ายมนุษย์มากขึ้นโดยตัวจะลอยอยู่ในน้ำคร่ำภายในมดลูก
ซึ่งน้ำคร่ำนี้เองทำหน้าที่ปกป้องและห่อหุ้มทารกไม่ให้ได้รับความกระทบกระเทือน
ตัวทารกเริ่มมีนิ้วมือนิ้วเท้าขึ้นมาในสภาพติดกันแต่ก็จะค่อยๆแยกออก  ช่วงกลางเดือนที่สามนี้หัวใจจะเป็นรูปเป็นร่างเต็มที่  เห็นหูอย่างชัดเจนตอนปลายเดือนอวัยวะที่สำคัญ
เช่น  อวัยเพศจะเริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างขึ้นมาแต่ยังไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นเพศไหน
ในช่วง 3 เดือนแรกนี้เองที่มีอัตราเสี่ยงในการแท้งค่อนข้างสูงจากอุบัติเหตุหรือการใช้ยาที่ผิดประเภท พอทารกอายุได้ 12 สัปดาห์เต็มที่แล้ว  เด็กก็จะมีน้ำหนักประมาณ 14 กรัม
และมีลำตัวยาว 3 นิ้ว...

ช่วงอายุครรภ์ได้  16สัปดาห์  (4 เดือน)
ช่วงเวลานี้อวัยวะภายในของทารกจะเริ่มมีความสมบูรณ์ขึ้นมากเล็บก็เริ่มงอกแล้ว
แต่ตัวยังผอมแบบเห็นหนังหุ้มกระดูกอยู่เพราะยังไม่มีชั้นไขมัน  ช่วงปลายเดือนที่ 4ก็จะเริ่มมีเส้นขนละเอียดทั้งตัว  แต่ผิวบางจนมองเห็นเส้นเลือด  เมื่อตั้งครรภ์ได้ครบ 4 เดือนเต็ม  รกก็จะมีขนาดโตมากขึ้น  จากช่วงแรกซึ่งใหญ่กว่าตัวอ่อนเพียงเล็กน้อยสามารถได้ยินเสียงหัวใจเต้น  เริ่มมีไตที่ทำงานได้เหมือนผู้ใหญ่  นอกจากนี้ทารกยังมีจำนวนเส้นประสาทและกล้ามเนื้อมากกว่าเดือนที่แล้วถึง  3 เท่า สามารถเตะครรภ์ของแม่ได้
งอนิ้วมือนิ้วเท้า  กลอกตาได้  อวัยวะเพศพัฒนามากขึ้นจนสามารถบอกได้ว่าเป็นเพศใด

ช่วงอายุครรภ์ได้  20 สัปดาห์  (5เดือน)
ช่วงเวลานี้ทารกจะเจริญเติบโตเร็วมากคือ  มีลำตัวยาว  9 นิ้ว  ร่างกายผลิตสารสีขาวข้นที่เรียกว่า  “เวอร์นิกซ์” ขึ้นมาเคลือบเพื่อปกป้องผิวเส้นผม  คิ้วและขนตาเริ่มงอก
เริ่มพัฒนาประสาทสัมผัส คือ  รับรู้รส  ได้กลิ่นและได้ยิน  ตายังปิดอยู่แต่รับรู้แสงสว่างจ้าได้   ดังนั้นมารดาพูดกับลูก  ลูกก็จะได้ยินมีเสียงดังเกิดขึ้นลูกก็จะสะดุ้ง
หรือเวลาที่มารดาพูดกับลูก  ลูกก็จะได้ยินมีเสียงดังเกิดขึ้นลูกก็จะสะดุ้ง  หรือเวลาที่ผู้เป็นแม่ลูบท้องลูกก็จะรู้สึกได้เช่นกันและตอนนี้ทารกก็จะเริ่มเคลื่อนไหวมากขึ้น
บิดตัว  เตะเท้าอยู่ในถุงน้ำคร่ำ  เวลาโก่งหรือขยับตัว    ตัวแม่ก็จะรู้สึกได้  เพราะท้องของแม่จะนูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  ช่วงปลายเดือนนี้ทารกจะเริ่มมีความสามารถถ่ายปัสสาวะลงสู่น้ำคร่ำได้อีกด้วย  และช่วงเวลานี้ทารกก็จะเริ่มสะอึกและผู้เป็นแม่ก็จะสามารถรับรู้ได้อีกด้วย....

ช่วงอายุครรภ์ได้  24  สัปดาห์ (6เดือน)


ในช่วงนี้ร่างกายของทารกเริ่มเติบโตช้ากว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาเพื่อให้อวัยวะภายใน
เช่น ปอด  ระบบย่อยอาหารและระบบภูมิคุ้มกันได้พัฒนาอย่างเต็มที่  และสิ่งที่น่าอัศจรรย์สำหรับผู้เป็นแม่ คือ  ทารกสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวทำให้ผู้เป็นแม่รู้สึกได้โดยเฉพาะตอนนอนพัก  ทารกสามารถได้ยินเสียงหัวใจเต้น  เสียงพูด  เสียงดนตรี
และสามารถตอบสนองการกระตุ้นจากแม่  เช่น แม่ขยับตัวเร็วจะดิ้นตอบ  ร่างกายทารกก็จะเริ่มมีเนื้อหนังมากขึ้น  เพราะมีไขมันมาสะสมที่ชั้นใต้ผิดหนัง  และถ้าหากเกิดเหตุสุดวิสัยที่ต้องคลอดก่อนกำหนด  เวลาทารกคลอดออกมาตอนนี้ก็อาจมีโอกาสรอดชีวิตได้



ช่วงอายุครรภ์ได้  28 สัปดาห์  (7เดือน)ช่วงนี้เป็นช่วงระยะเวลาสุดท้ายที่ทำแท้งได้  หรือหากมีอุบัติเหตุจำเป็นต้องมีการทำแท้งเพราะมีโอกาสช่วยชีวิตมารดาของเด็กไว้ได้  เพราะหากเลยเวลาช่วงนี้ไปแล้วจะเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อผู้เป็นมารดาเพราะอาจเสียชีวิตได้  ซึ่งตามหลักเกณฑ์เวลาของการทำแท้งเด็ก ถือว่าระยะนี้เป็นระยะที่อันตรายที่สุด....
ทารกในครรภ์ช่วงนี้เติบโตมากขึ้น  จนไปกดอวัยวะต่างๆในช่องท้องของแม่
เปลือกตาเริ่มเปิด และนัยน์ตามีการพัฒนาไปมากจนมองเห็นแสงที่ผ่านมาทางหน้าท้องแม่ได้  เสียงดังๆ  ทำให้ทารกเคลื่อนไหว  และการเต้นหัวใจเปลี่ยนไปตามเสียงและแสงไฟ  และที่สำคัญลูกก็จะเริ่มจดจำเสียงของผู้เป็นแม่ได้
นอกจากพัฒนาด้านอื่นๆ แล้ว ต่อมรับรสของทารกก็พัฒนาถึงขนาดแยกรสหวานกับรสเปรี้ยวได้  ถ้าทารกคลอดออกมาตอนนี้มีโอกาสรอดชีวิตค่อนข้างสูง  เพราะอวัยวะสำคัญทั้งหลาย ได้ทำงานมากขึ้น  สมองเติบโตมากขึ้น  ร่างกายเจริญเติบโตได้สัดส่วนมากขึ้น

หลังจากที่หลายๆท่านได้อ่านบทความเหล่านี้แล้ว  ท่านคิดอย่างไรกับการแท้งเด็กมันเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าเป็นฝ่ายลูกและแม่  แต่ที่แน่ๆก็คือ ไม่มีใครอยากโดนทำร้าย  โดนฆ่า  เมื่อตายไปแล้วก็ยังไม่มีความสุข มีแต่ความเจ็บปวดทรมานไม่ว่าเป็นคนที่ตายแล้ว คือการแท้งเด็ก หรือคนที่ยังมีชีวิตอยู่ คือผู้เป็นแม่ต่างก็มีความสูญเสียทั้งสองฝ่ายด้วยเช่นกัน  เพราะฉะนั้นหลังจากที่ท่านได้ทำการแท้งเด็กของท่านไปแล้ว...
 ท่านไม่สามารถกลับไปกำเนิดชีวิตของลูกน้อยได้  เมื่อท่านมีชีวิตอยู่ควรให้ความยุติธรรมกับวิญญาณลูกน้อยบ้าง  บทความต่อไปอาจารย์จะนำเสนอเรื่องการชุบชีวิตวิญญาณลูกน้อยหลังจากแท้งไปแล้ว  ว่าเราจะสร้างพลังออร่าแสงกายทิพย์ให้ลูกน้อยอย่างไรขอให้ติดตามกันน่ะค่ะ ......

ด้วยความรักปรารถนาดีอย่างจริงใจ
การแท้งเด็ก...ฆ่าหนูทำไม!!!
Master  Antiga  Ariyachawul

0 comments:

Post a Comment